ประเทศจีนในสมัยโบราณนับทุกๆ 12 ปีเป็นหนึ่งรอบ ในขณะที่ประเทศไทยเรียก 72 ปีว่า "หกรอบ" เมื่อย้อนมองประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐประชาชนจีนนับตั้งแต่สถาปนาจีนใหม่ เราสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งว่า วันเวลาย่อมหมุนผ่าน แต่ประวัติศาสตร์นั้นมิได้หมุนเวียนอยู่กับที่แต่อย่างใด
เมื่อย้อนมองความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลใน 72 ปีที่ผ่านมา ทำให้เรารู้ซึ้งถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ภาพของประเทศจีนในอดีตที่เคยยากจน อ่อนแอและถูกรังแก ได้สิ้นสุดลงนับตั้งแต่การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อปีค.ศ. 1949 อันเป็นการยุติประวัติศาสตร์สังคมกึ่งอาณานิคมและกึ่งศักดินาของจีนโบราณโดยสมบูรณ์ และยุติสถานการณ์ที่บ้านเมืองแตกเป็นเสี่ยงๆ โดยสมบูรณ์เช่นกัน ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้น ชาวจีนได้ร่วมใจกันจนสามารถบรรลุการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่มีขอบเขตกว้างขวางและลงรากลึกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชนชาติจีน มีการกำหนดให้สังคมนิยมเป็นระบอบพื้นฐาน และผลักดันความก้าวหน้าของระบอบสังคมนิยม อันเป็นการเริ่มต้นศักราชใหม่ของประวัติศาสตร์ประชาชาติจีนที่สามารถยืนตระหง่านอย่างสง่าผ่าเผยท่ามกลางประชาชาติต่างๆ ในโลก
เมื่อมองย้อนไป 72 ปีแห่งกาลเวลาที่ไม่ธรรมดาที่ผ่านมา ทำให้เราเปี่ยมด้วยความมั่นใจ ชาวจีนต่างมุ่งมั่นทำงานอย่างหนักโดยเริ่มจากประเทศที่ยากจนและขาดแคลน เราใช้พื้นที่เพาะปลูกเพียง 7% ของโลกในการแก้ปัญหาปากท้องและเครื่องนุ่มห่มของประชากร 20% ของโลก ใช้เวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษในการสร้างอุตสาหกรรมของชาติจนมีความสมบูรณ์ พวกเราใช้วิธี "คลำหินข้ามห้วย" ลองผิดลองถูกจนค้นพบหนทางอันกว้างใหญ่แห่งการพัฒนาสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของจีน ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก เป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุด เป็นประเทศผู้ค้าสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ที่สุด และยังเป็นประเทศที่มีเงินสำรองระหว่างประเทศมากที่สุด ประเทศจีนกำลังผนึกกำลังต่อต้านโรคระบาดและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม มีการปฏิรูปและเปิดกว้างอย่างรอบด้านมากยิ่งขึ้น บนเส้นทางการพัฒนาในระยะใหม่ จีนได้สืบสานแนวคิดการพัฒนาแบบใหม่ สร้างรูปแบบการพัฒนาแบบใหม่ ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่มีคุณภาพสูง และส่งเสริมความมั่งคั่งร่วมกัน ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ GDP จีนได้ขยายตัว 12.7% เมื่อเทียบกับช่วงระยะเดียวกันของปีที่แล้ว แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการพัฒนาในระยะยาวและความก้าวหน้าอย่างมั่นคง และยังเป็นกลไกสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอีกด้วย
หากย้อนมอง 72 ปีแห่งการฝ่่าฟันอุปสรรคต่างๆนานาที่ผ่านมา เรามีความภาคภูมิใจอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ประกาศอย่างแน่วแน่ในคำปราศรัยเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่า "เราได้บรรลุเป้าหมายร้อยปีวาระแรกแล้ว คือการสร้างสังคมที่อยู่ดีมีสุขอย่างรอบด้านบนแผ่นดินจีน และเป็นประวัติกาลที่จีนสามารถแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างที่สุด อีกทั้งกำลังทะยานสู่เป้าหมายร้อยปีวาระที่สอง คือการสร้างประเทศสังคมนิยมที่ทันสมัยและแข็งแกร่งอย่างรอบด้าน" ประเทศจีนสามารถเปลี่ยนจากการลุกขึ้นยืนด้วยลำแข้งของตนเอง สู่การสร้างความมั่งคั่งและสร้างความแข็งแกร่งได้อย่างน่าภาคภูมิใจ เป็นการสร้างสิ่งมหัศจรรย์ในประวัติศาสตร์การพัฒนาของมวลมนุษย์ ทำให้การฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของชนชาติจีนได้เข้าสู่กระบวนการทางประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจย้อนกลับ
เคล็ดลับของการพัฒนาและความสำเร็จของจีนอยู่ที่การสนับสนุนและเสริมสร้างความเป็นผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างรอบด้าน ภายใต้การนำที่เข้มแข็งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ทำให้จีนเอาชนะความยากลำบากครั้งแล้วครั้งเล่าและบรรลุเป้าหมายต่างๆ ไปทีละขั้น แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงในรอบศตวรรษของโลกจะมาเร็วกว่าที่คิด แต่ภารกิจด้านการปฏิรูป การพัฒนา และความมั่นคงภายในประเทศนั้นยังมีความสำคัญและท้าทาย แม้ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศจะซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และสถานการณ์ในช่องแคบไต้หวันยังปั่นป่วน แต่เราก็กล้าที่จะเอาชนะความยากลำบากทั้งปวงโดยไม่ย่อท้อต่อปัญหาใดๆ เรามีความมุ่งมั่นและแน่วแน่ อีกทั้งมีความสามารถที่แข็งแกร่งในการรักษาความเป็นปึกแผ่นของชาติ ปกป้องอธิปไตยของชาติ ความมั่นคงของชาติรวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในการพัฒนาประเทศ ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งความก้าวหน้าของประเทศจีนได้
ความเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างต่อเนื่องของประเทศจีนจะเป็นกำลังสำคัญในการพิทักษ์สันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาของโลก นโยบายการต่างประเทศของประเทศมหาอำนาจที่มีลักษณะเฉพาะของจีนตามแนวคิดทางการทูตของท่านสี จิ้นผิง มุ่งมั่นที่จะสร้างประชาคมแห่งโชคชะตาร่วมกันของมวลมนุษย์ จีนยืนหยัดที่จะเป็นผู้สร้างสันติภาพของโลก ผู้สร้างคุณูปการต่อการพัฒนาของโลก และผู้พิทักษ์ระเบียบระหว่างประเทศ จีนสนับสนุนแนวคิดที่โลกต้องมีความมั่นคงร่วมกัน มีความมั่นคงรอบด้าน มีความร่วมมือ และมีความยั่งยืน อีกทั้งส่งเสริมค่านิยมร่วมกันสำหรับมวลมนุษยชาติในเรื่องสันติภาพ การพัฒนา ความเป็นธรรม ยุติธรรม ประชาธิปไตย และเสรีภาพ ส่งเสริมการสร้าง "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ที่มีศักยภาพตามหลักการหารือร่วมกัน พัฒนาร่วมกัน และแบ่งปันประโยชน์ร่วมกัน อีกทั้งจะสร้างโอกาสใหม่ให้กับโลกจากการพัฒนาใหม่ของจีน
การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 เป็นความท้าทายสำคัญที่สังคมมนุษย์กำลังเผชิญอยู่ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศเมื่อเร็ว ๆ นี้ระหว่างการประชุมสุดยอดของกลุ่มประเทศบริคส์ (BRICS) ว่าจีนได้จัดหาวัคซีนและสารตั้งต้นกว่า 1 พันล้านโดสให้กับ 100 กว่าประเทศและองค์การระหว่างประเทศ และจะพยายามจัดหาวัคซีนอีก 2 พันล้านโดสภายในปีนี้ นอกจากนี้ประเทศจีนยังจะบริจาคเงิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับโคแวกซ์ (COVAX) แล้ว ภายในปีนี้ จีนยังจะบริจาควัคซีนอีก 100 ล้านโดสให้กับประเทศกำลังพัฒนา ดังนั้น ความรับผิดชอบและความช่วยเหลืออย่างไม่เห็นแก่ตัวของประเทศจีนในการต่อสู้กับโรคระบาดจึงได้รับการชื่นชมอย่างกว้างขวางในประชาคมนานาชาติ
มิตรภาพจีน-ไทยมีประวัติยาวนาน คำกล่าวที่ว่า "จีนไทยพี่น้องกัน" นั้น มิใช่เพียงวาทศิลป์ทางการทูต แต่เป็นความรู้สึกจากใจจริงของประชาชนทั้งสองประเทศ จีนและไทยมีประเพณีในการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และลงเรือลำเดียวกันมาโดยตลอด นี่คือการแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมที่เกิดจากความเชื่อมั่นทางการเมืองอย่างลึกซึ้งระหว่างสองฝ่่าย ในช่วงต้นที่ Covid-19 ระบาด ทุกภาคส่วนในสังคมไทยได้สนับสนุนและช่วยเหลือประเทศจีนอย่างแข็งขัน ป้ายข้อความ "ไทยจีนสองแผ่นดิน หัวใจดวงเดียวกัน" บนถนนสายหลักของตัวเมืองเชียงใหม่เป็นการอวยพรให้ "ญาติ" ชาวจีนก้าวผ่านโรคระบาดและฝ่่าฟันอุปสรรคให้ได้ หลังจากที่ประเทศไทยถูกโรคระบาดโจมตี ประเทศจีนก็ได้บริจาคเวชภัณฑ์ให้กับรัฐบาลไทยทันที เช่น หน้ากากอนามัย ชุด PPE และน้ำยาทดสอบ เป็นต้น จนถึงขณะนี้ จีนได้จัดหาวัคซีนให้ไทยแล้วมากกว่า 27.65 ล้านโดส ฝ่่ายไทยยังสนับสนุนและร่วมมือกับฝ่่ายจีนอย่างแข็งขันในการดำเนินโครงการที่เรียกว่า "โครงการต้นกล้าฤดูใบไม้ผลิ" ซึ่งเป็นโครงการฉีดวัคซีนให้กับพลเมืองจีน การร่วมแรงร่วมใจในการต่อสู้กับโรคระบาดระหว่างสองประเทศประสบผลสำเร็จอย่างมาก ในด้านการค้า ถึงแม้จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติ Covid-19 แต่ในปีที่แล้ว มูกค่าการค้าทวิภาคีระหว่างจีน-ไทยยังสูงถึง 98.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขยายตัวแบบสวนกระแสถึงร้อยละ 7.5 จีนกลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยติดต่อกัน 8 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทยก็ก้าวผ่านบททดสอบเป็นเวลาถึง 46 ปี และยังคงพัฒนาและสร้างโอกาสที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง
ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 30 ปีของการกจัดตั้งสถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้รับการสนับสนุนและความช่วยเหลืออย่างดีจากเพื่อนมิตรทุกสาขาอาชีพ เราจะทำงานเคียงข้างเพื่อนมิตรทุกสาขาอาชีพในภาคเหนือของประเทศไทยต่อไป เพื่อแบ่งปันโอกาสและประโยชน์จากการพัฒนาของประเทศจีน เราจะเสริมความเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาภาคเหนือของประเทศไทย ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่่ายให้เกิดผลสัมฤทธิ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นความร่วมมือในการป้องกันและควบคุมโรคระบาด ภายใต้ข้อริเริ่ม "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" และกรอบความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง ดังที่ ฯพณฯ หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยคนใหม่ได้กล่าวไว้ว่า เรายินดีที่จะทำงานร่วมกับฝ่่ายไทยอย่างจริงจังเพื่อสืบสานฉันทามติสำคัญที่ผู้นำของทั้งสองประเทศได้บรรลุร่วมกัน เราต้องแสวงหาศักยภาพอย่างต่อเนื่องและกระชับความร่วมมือเชิงสร้างสรรค์ ร่วมกันรังสรรค์ความสัมพันธ์จีน-ไทยที่โชติช่วงชัชวาลยิ่งขึ้นในอนาคต
อู๋ จื้ออู่
กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่
1 ตุลาคม 2564