• หน้าแรก
  • ข่าวและกิจกรรม
  • ข้อมูลสถานกงสุลใหญ่ฯ
  • บริการด้านกงสุล
    • ความคุ้มครองกงสุล
    • หนังสือเดินทางและวีซ่า
    • การรับรองรายมือชื่อ
    • แบบฟอร์ม
    • คำถามที่พบบ่อย
  • กิจกรรมธุรกิจ
  • วัฒนธรรมการศึกษา
    • สถาบันอุดมศึกษาในภาคเหนือ
  • ข้อมูลประเทศจีน
  • ติดต่อเรา
คอลัมน์กงสุลใหญ่ สารจากกงสุลใหญ่ ประวัติกงสุลใหญ่ หน่วยงานต่างๆ ฝ่ายกงสุล ฝ่ายกิจกรรมชาวจีนโพ้นทะเล ฝ่ายวีซ่า ฝ่ายพาณิชย์ ฝ่ายบริหารธุรการ บริการด้านกงสุล ความคุ้มครองกงสุล หนังสือเดินทางและวีซ่า การรับรองรายมือชื่อ แบบฟอร์ม คำถามที่พบบ่อย กิจกรรมธุรกิจ

หน้าแรก > บริการด้านกงสุล > ความคุ้มครองกงสุล
  • รวมข้อกำหนดและเงื่อนไขในการยื่นขอรหัสสุขภาพ สำหรับผู้ที่จะเดินทางจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน(2022-03-09)

ประกาศสถานกงสุลใหญ่ฯ

  • ประกาศวันหยุด(2023-03-27)
  • ประกาศกฎเกณฑ์การยื่นขอวีซ่าจีนและขั้นตอนการดำเนินการของสถานกงสุลใหญ่จีนประจำเชียงใหม่(2023-03-14)
  • ประกาศการปรับเปลี่ยนเกี่ยวกับวีซ่าจีน และนโยบายการเข้าประเทศจีนสำหรับชาวต่างชาติ(2023-03-14)
อ่านทั้งหมด...

วันหยุดราชการ

ที่ตั้ง

ภาพรวมของภาคเหนือ

รายงานพิเศษ

เว็บลิงค์

  • กระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
  • สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย
  • สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำสงขลา
  • สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำขอนแก่น
อ่านทั้งหมด...
หน้าแรก > บริการด้านกงสุล > ความคุ้มครองกงสุล
รวมข้อกำหนดและเงื่อนไขในการยื่นขอรหัสสุขภาพ สำหรับผู้ที่จะเดินทางจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน
2022-03-09 15:04

เพื่ออำนวยความสะดวกในการยื่นรหัสสุขภาพ สำหรับผู้เดินทางสัญชาติจีนและชาวต่างชาติที่จะเดินทางไปยังประเทศจีน ทางสถานกงสุลใหญ่จีนประจำเชียงใหม่ ได้สรุปข้อมูลเกี่ยวกับการยื่นขอรหัสสุขภาพ และได้จัดทำ "รวมข้อกำหนดและเงื่อนไขในการยื่นขอรหัสสุขภาพ สำหรับผู้ที่จะเดินทางจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน" นี้ขึ้นมา

ผู้เดินทางสัญชาติจีนสามารถค้นหามินิโปรแกรม “รหัสสุขภาพเพื่อป้องกันโรคระบาด” ในวีแชท เพื่อยื่นขอรหัสสุขภาพ สำหรับผู้เดินทางชาวต่างชาติ สามารถเข้าสู่ระบบได้ที่เว็บไซต์ http://hrhk.cs.mfa.gov.cn/H5/ เพื่อยื่นขอรหัสสุขภาพผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว ผ่านคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ เพื่อกรอกข้อมูลและอัพโหลดเอกสารต่างๆ ตามที่กำหนด

การตรวจ RT-PCR และตรวจหาแอนติบอดี้ IgM และ IgG ในซีรัม แต่ละครั้ง จะต้องทำการตรวจ ณ สถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองโดยสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่จีนในประเทศไทยเท่านั้น สำหรับรายชื่อสถานพยาบาลในเขตอาณาของสถานกงสุลใหญ่ฯ ซึ่งครอบคลุม 12 จังหวัดภาคเหนือที่ได้รับการรับรองนั้น โปรดดูที่ 

http://chiangmai.chineseconsulate.org/th/zlggg_1/202201/t20220128_10635978.htm

ผู้ยื่นขอรหัสสุขภาพควรยื่นส่งเอกสารในเวลาที่เหมาะสม การส่งเอกสารที่ส่งภายใน 4 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง อาจไม่ได้รับการตรวจสอบและอนุมัติได้ทันเวลา ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ยื่นขอรหัสสุขภาพได้รับรหัสสุขภาพล่าช้า และอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางได้

ลำดับ

ประเภท

ข้อกำหนดในการตรวจ

เอกสารที่ใช้ยื่นขอรหัสสุขภาพ

1

ผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดเชื้อตายครบถ้วนแล้ว ( เช่น ซิโนแวค, ซิโนฟาร์ม เป็นต้น)

1. ผู้ที่ได้รับวัคซีนเชื้อตายครบถ้วนแล้ว หมายถึง ผู้ที่ได้รับวัคซีนเชื้อตายครบ 2 เข็ม โดยมีระยะห่างเป็นไปตามที่กำหนดและฉีดครบ 2 เข็มเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน ในกรณีที่ได้รับวัคซีนเชื้อตายครบ 2 เข็ม  แต่ยังไม่ครบ 14 วัน จะถือว่าเป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน

2. ผู้ที่ได้รับวัคซีนเชื้อตายครบแล้วเป็นเวลา 14 วันจึงจะสามารถเดินทางได้ สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว แต่ยังไม่ครบ 14 วัน แม้ว่าการตรวจร่างกายก่อนเดินทางจะเป็นไปตามข้อกำหนด ก็จะไม่สามารถยื่นขอรหัสสุขภาพได้

1. ตรวจ RT-PCR ครั้งแรก 7 วันก่อนการเดินทาง หากผลเป็นลบ ให้เริ่มทำการสำรวจสุขภาพตนเองและกรอกตารางสำรวจสุขภาพตนเอง 

2. ตรวจ RT-PCR ครั้งที่สองภายใน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง 

3. ตรวจ RT-PCR ครั้งที่สามภายใน 48 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง และการตรวจ RT-PCR สองครั้งหลังนี้จะต้องดำเนินการในสถานพยาบาลที่รับรองโดยสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่จีนในประเทศไทย จำนวน 2 แห่งโดยมีระยะห่างกันอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

1. หน้าแรกของหนังสือเดินทาง 

2. หลักฐานการพำนักในประเทศไทย (เช่น หน้าวีซ่า ตราประทับเข้าเมือง การลงทะเบียน 90 วัน)

3. กำหนดการเดินทาง

4. ใบรับรองการฉีดวัคซีน

5. ตารางสำรวจสุขภาพตนเอง

6. ผลการตรวจ RT-PCR จำนวน 3 ครั้ง

2

ผู้ที่ได้รับวัคซีนที่ไม่ใช่ชนิดเชื้อตายครบถ้วนแล้ว (เช่น Pfizer, BioNTech, Moderna, CanSino, Zifivax เป็นต้น)

1. ผู้ที่ได้รับวัคซีนเชื้อตายครบถ้วนแล้ว หากได้รับวัคซีนที่ไม่ใช่ชนิดเชื้อตายเพิ่ม ถือว่าเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนเชื้อตายครบถ้วนแล้ว

2. ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วเป็นเวลา 14 วันจึงจะสามารถเดินทางได้ สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว แต่ยังไม่ครบ 14 วัน แม้ว่าการตรวจร่างกายก่อนเดินทางจะเป็นไปตามข้อกำหนด ก็จะไม่สามารถยื่นขอรหัสสุขภาพได้

1. ตรวจ RT-PCR ครั้งแรก 7 วันก่อนการเดินทาง หากผลเป็นลบ ให้เริ่มทำการสำรวจสุขภาพตนเองและกรอกตารางสำรวจสุขภาพตนเอง

2. การตรวจครั้งที่สอง จะต้องตรวจ RT-PCR พร้อมตรวจแอนติบอดี้ IgM และ IgG ต่อ N โปรตีนในซีรัม ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง  การตรวจทั้งสองครั้งนี้ จะต้องดำเนินการในสถานพยาบาล 2 แห่ง (ปัจจุบันในเขต 12 จังหวัดภาคเหนือ มีเพียงโรงพยาบาลกรุงเทพ เชียงใหม่ เท่านั้นที่สามารถทำการตรวจแอนติบอดี้ IgM และ IgG ต่อ N โปรตีนในซีรัมได้)

1. หน้าแรกของหนังสือเดินทาง

2. หลักฐานการพำนักในประเทศไทย (เช่น หน้าวีซ่า ตราประทับเข้าเมือง การลงทะเบียน 90 วัน)

3. กำหนดการเดินทาง

4. ใบรับรองการฉีดวัคซีน

5. ตารางสำรวจสุขภาพตนเอง

6. ผลการตรวจ RT-PCR จำนวน 3 ครั้ง และผลการตรวจแอนติบอดี้ IgM และ IgG ต่อ N โปรตีนในซีรัม จำนวน 1 ครั้ง

3

สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน

1. ตรวจ RT-PCR ครั้งแรก 7 วันก่อนการเดินทาง หากผลเป็นลบ ให้เริ่มทำการสำรวจสุขภาพตนเองและกรอกตารางสำรวจสุขภาพตนเอง

2. การตรวจครั้งที่สอง จะต้องตรวจ RT-PCR พร้อมตรวจแอนติบอดี้ IgM และ IgG ในซีรัม ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง  การตรวจทั้งสองครั้งนี้ จะต้องดำเนินการในสถานพยาบาล 2 แห่ง

1. หน้าแรกของหนังสือเดินทาง

2. หลักฐานการพำนักในประเทศไทย (เช่น หน้าวีซ่า ตราประทับเข้าเมือง การลงทะเบียน 90 วัน)

3. กำหนดการเดินทาง

4. ตารางสำรวจสุขภาพตนเอง

5. ผลการตรวจ RT-PCR จำนวน 2 ครั้ง และผลการตรวจแอนติบอดี้ IgM และ IgG ในซีรัม จำนวน  1 ครั้ง

4

ผู้ที่เคยมีประวัติการติดเชื้อ

1. รวมถึงผู้ที่เคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคปอดอักเสบจากโควิด  หรือมีการผลการตรวจ RT-PCR และผลการตรวจแอนติบอดี้ IgM และ IgG ในซีรัม ที่เป็นบวก (ยกเว้นผลบวกของแอนติบอดีที่เกิดจากการฉีดวัคซีน) 

2. มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 31 มกราคม 2565 เป็นต้นไป

ผู้ที่เคยมีประวัติการติดเชื้อโควิด ควรแจ้งประวัติการรักษาและสถานะการตรวจต่อสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ตามความเป็นจริง และขอรหัสสุขภาพตามเงื่อนไขต่อไปนี้ :

1. มีใบรับรองแพทย์หรือผลการวินิจฉัยด้วยภาพ( CT สแกน หรือ ภาพถ่ายเอ็กซเรย์ของปอด)ที่ออกให้โดยโรงพยาบาลในประเทศไทย ที่ระบุว่าไม่พบความผิดปกติของปอด หรือได้รับการรักษาโรคโควิดจนหายดีแล้ว รวมถึงการตรวจ RT-PCR ที่ผลตรวจเป็นลบ โดยทั้งสองรายการนั้นต้องดำเนินการในสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองโดยสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่จีนในประเทศไทย (การเก็บตัวอย่างทั้งสองครั้งต้องมีระยะห่างกันอย่างน้อย 24 ชั่วโมง)

หมายเหตุ: หลังจากครบ 6 สัปดาห์ ( 42 วัน นับจากผลรายงานทั้งหมด 3 ฉบับ โดยเลือกผลการตรวจฉบับล่าสุดของการตรวจข้างต้น) หลังจากได้รับผลรายงานทั้งสามข้างต้นแล้ว สามารถเริ่มขั้นตอนการขอรับรหัสสุขภาพเพื่อเดินทางไปยังประเทศจีนได้ตามขั้นตอนด้านล่างนี้

2. ตรวจ RT-PCR จำนวน 2 ครั้งในสถานพยาบาล 2 แห่ง และต้องมีระยะห่างของการเก็บตัวอย่างอย่างน้อย 24 ชั่วโมง โดยที่การเก็บตัวอย่างครั้งที่สองคือ 14 วันก่อนการเดินทาง)

3. หากผลการตรวจทั้ง 2 ครั้งมีผลเป็นลบ ให้สำรวจสุขภาพตนเอง 14 วันก่อนการเดินทาง และกรอกตารางสำรวจสุขภาพตนเอง

4. การตรวจก่อนเดินทาง

4.1 หากได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายครบถ้วนแล้ว ต้องทำการตรวจ RT-PCR จำนวน 2 ครั้งภายใน 72 ชั่วโมงและ 48 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางตามลำดับ โดยทั้งสองครั้งนั้นต้องดำเนินการในสถานพยาบาล 2 แห่ง และ การเก็บตัวอย่างทั้งสองครั้งต้องมีระยะห่างกันอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

4.2 หากได้รับวัคซีนที่ไม่ใช่ชนิดเชื้อตายครบถ้วนแล้ว เช่น Pfizer, BioNTech, Moderna, CanSino, Zifivax เป็นต้น จะต้องตรวจ RT-PCR และตรวจแอนติบอดี้ IgM และ IgG ต่อ N โปรตีนในซีรัม ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง  และผลการตรวจทั้ง 2 ครั้งนี้จะต้องเป็นลบเท่านั้น

4.3 เด็กอายุไม่เกิน 14 ปีและสตรีมีครรภ์ได้รับยกเว้นไม่ต้องทำการตรวจ CT สแกน หรือ เอ็กซเรย์ปอด

1. หน้าแรกของหนังสือเดินทาง 

2. หลักฐานการพำนักในประเทศไทย (เช่น หน้าวีซ่า ตราประทับเข้าเมือง การลงทะเบียน 90 วัน)

3. กำหนดการเดินทาง

4. ใบรับรองการฉีดวัคซีน (ถ้ามี)

5. ใบรับรองแพทย์หรือผลการวินิจฉัยด้วยภาพ ( CT สแกน หรือ ภาพถ่ายเอ็กซเรย์ของปอด)ที่ออกให้โดยโรงพยาบาลในประเทศไทย ที่ระบุว่าไม่พบความผิดปกติของปอด หรือได้รับการรักษาโรคโควิดจนหายดีแล้ว 

6. ตารางสำรวจสุขภาพตนเอง

7. ผลการตรวจ RT-PCR จำนวน 4 ครั้ง

8. ผลการตรวจก่อนการเดินทาง

5

ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่สามที่เดินทางมาประเทศไทยเพื่อเปลี่ยนเครื่องไปยังประเทศจีน

สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่สามที่เดินทางเข้าประเทศไทยด้วยวีซ่าระยะสั้น เช่น วีซ่าท่องเที่ยว หากประเทศต้นทางมีเที่ยวบินตรงไปยังประเทศจีน สถานทูตและสถานกงสุลใหญ่จีนในประเทศไทยจะไม่ออกรหัสสุขภาพให้ แต่หากประเทศดังกล่าวไม่มีเที่ยวบินตรงไปยังประเทศจีน จะสามารถออกรหัสสุขภาพให้ได้ตามเงื่อนไขต่อไปนี้ :

1. ผู้ยื่นขอรหัสสุขภาพจะต้องโดยสารเที่ยวบินที่บินตรงมายังประเทศไทยและได้รับรหัสสุขภาพจากสถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่จีนในประเทศต้นทางแล้ว

2. เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบการเข้าประเทศไทย และมาตรการการควบคุมและป้องกันโรคระบาดที่เกี่ยวข้อง ผู้ยื่นขอรหัสสุขภาพจะต้องพำนักอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 28 วัน และ ต้องทำการตรวจ RT-PCR และ กรอกตารางสำรวจสุขภาพตนเอง 14 วันก่อนเดินทาง

3. ตรวจ RT-PCR 7 วันก่อนการเดินทาง 1 ครั้ง  และ  72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทาง 1 ครั้ง และตรวจ RT-PCR พร้อมตรวจแอนติบอดี้ IgM และ IgG ในซีรัม ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนการเดินทางอีก 1 ครั้ง  (หากได้รับการฉีดวัคซีนเชื้อตายครบถ้วนแล้ว จะได้รับการยกเว้นการตรวจแอนติบอดี้ IgM และ IgG ในซีรัมภายใน 48 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง)

4. สำหรับชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่ได้กักตัว ทางสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่จีนในประเทศไทยจะไม่ออกรหัสสุขภาพให้

1. หน้าแรกของหนังสือเดินทาง 

2. หลักฐานการพำนักในประเทศไทย (เช่น หน้าวีซ่า ตราประทับเข้าเมือง การลงทะเบียน 90 วัน)

3. กำหนดการเดินทาง

4. ใบรับรองการฉีดวัคซีน (ถ้ามี)

5. ตารางสำรวจสุขภาพตนเอง

6. ผลการตรวจ RT-PCR จำนวน 4 ครั้ง และผลการตรวจแอนติบอดี้ IgM และ IgG ในซีรัม จำนวน 1 ครั้ง  (หากได้รับการฉีดวัคซีนเชื้อตายครบถ้วนแล้ว จะได้รับการยกเว้นการตรวจแอนติบอดี้ IgM และ IgG ในซีรัมภายใน 48 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง)

6

ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อ 

โดยมีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการโดยไม่มีการป้องกัน

เมื่อมีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อ ควรแจ้งรายละเอียดต่อสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ตามความเป็นจริง ซึ่งจะต้องกักตัวและสังเกตอาการตนเองอย่างน้อย 14 วันนับจากวันที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อครั้งสุดท้าย  จึงจะสามารถยื่นขอรหัสสุขภาพได้ การยื่นขอรหัสสุขภาพจะอ้างอิงจาก ผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดเชื้อตาย, ผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดที่ไม่ใช่เชื้อตาย และผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน


7

บุคลากรของบริษัทหรือหน่วยงานจีนในประเทศไทย  (รวมถึงกิจการส่วนกลาง กิจการของรัฐ และบริษัทเอกชน)

นอกจากสำรวจสุขภาพตนเอง 7 วันก่อนการเดินทางแล้ว ยังต้องสำรวจสุขภาพตนเองและกักตัวเป็น21 วัน (คำนวณจากวันที่ออกเดินทางลบด้วย 21 วัน) โดยห้ามสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอก  หากในการตรวจ RT-PCR ครั้งแรกมีเป็นผลบวกหรือมีอาการปรากฏขึ้นในระหว่างช่วงกักตัว ควรระงับการเดินทางทันที และบุคลากรที่สัมผัสใกล้ชิดควรทำเช่นเดียวกัน 

หากบุคลากรของบริษัทหรือหน่วยงานจีนเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อมาทำงานเป็นการชั่วคราว การเดินทางกลับประเทศจีนนั้น ก็ต้องได้รับการสังเกตตัวเองและกักตัว 7 วันก่อนการเดินทางและห้ามสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอกเช่นกัน

บริษัทหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องออกหนังสือรับรองการกักตัว ซึ่งระบุ ชื่อ-สกุล หมายเลขหนังสือเดินทาง วันที่เริ่มต้นและสิ้นสุดการกักตัว สถานที่กักตัว และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของผู้ที่จะเดินทางกลับประเทศจีน โดยหนังสือฉบับดังกล่าวจะต้องประทับตราของบริษัทหรือหน่วยงาน และอัพโหลดเมื่อยื่นขอรหัสสุขภาพ

หนังสือยืนยันการได้รับวัคซีน.pdf

ตารางสำรวจสุขภาพตนเอง.pdf


Appendix: