ในปีพุทธศักราช 2563 ที่ผ่านมา รัฐบาลและประชาชนของจีนไทยทั้งสองประเทศมีความห่วงใยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน เราให้ความสำคัญในการดำเนินความร่วมมือกับวงการต่างๆ ในภาคเหนือของไทย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเฉลิมฉลองครบรอบ 45 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทย ความร่วมมือในด้านต่างๆ ประสบความสำเร็จอย่างเป็นที่น่าพึงพอใจ อาทิ ด้านเศรษฐกิจการค้า เทคโนโลยี การศึกษา วัฒนธรรมและธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นดั่งคำกล่าวที่ว่า "จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" ไวรัสโควิด-19 นั้นโหดเหี้ยมโร้ปรานี แม้หนทางข้างหน้ายังคงมีอุปสรรคมากมาย แต่หากเราจับมือกันแน่นมากเท่าไหร่ ใจเราก็ยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้นเท่านั้น
ปี 2563 เป็นปีที่จีนสร้างสังคมอยู่ดีกินดีรอบด้าน และเป็นปีที่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 13 จะสิ้นสุดลง แม้ว่าได้เผชิญกับสถานการณ์ที่ซับซ้อน รวมถึงความเสี่ยงและความท้าทายที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ แต่สถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมของจีนยังคงพัฒนาด้วยดีอย่างต่อเนื่อง ตัวชี้วัดสำคัญของ "แผนฯ 13" บรรลุตามที่คาดหวังไว้ การสร้างสังคมอยู่ดีกินดีรอบด้านมีการพัฒนาที่สำคัญใหม่ๆ การประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน สมัยที่ 19 ครั้งที่ 5 ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ได้สรุปถึงความสำเร็จของแผนพัฒนาของจีนตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และร่างพิมพ์เขียวที่ยิ่งใหญ่สำหรับการพัฒนาประเทศจีนในอีก 5 - 15 ปีข้างหน้า สำหรับช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีนประสบความสำเร็จอย่างมากจนเป็นที่จับตามองจากทั่วโลก ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP มีมูลค่าเกือบ 100 ล้านล้านหยวนและ GDP ต่อหัวทะลุ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมีอัตราการสร้างคุณูปการต่อเศรษฐกิจโลกประมาณร้อยละ 30 คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นอย่างเด่นชัด และในปลายปี 2563 จีนได้สร้างประวัติศาสตร์ในการขจัดความยากจน และมีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน เราจะยึดมั่นในนโยบายเปิดกว้างสู่ภายนอก การที่ร่วมกันสร้าง "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ประสบผลสำเร็จอย่างมาก จีนได้ลงนามเอกสารความร่วมมือกว่า 200 ฉบับกับ 138 ประเทศและ30 องค์การระหว่างประเทศ การนำเข้า-ส่งออกระหว่างประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ กรอบในข้อริเริ่ม "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ปี 2564 เป็นปีแรกแห่งการเริ่มต้นระยะทางใหม่ของประเทศจีนในการสร้างประเทศสังคมนิยมที่ทันสมัยอย่างรอบด้านโดยจะเน้น "3 ประการใหม่" ประการแรกคือ จีนเข้าสู่ช่วงการพัฒนาใหม่ และตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2578 ขีดความสามารถของจีน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงภาพรวมของประเทศจะพัฒนาขึ้นแบบก้าวกระโดด ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อหัวจะเทียบเท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้วในระดับปานกลาง ประการที่สองคือ การยึดมั่นในแนวคิดการพัฒนาใหม่ โดยจะยึดมั่นตามแนวคิดการพัฒนาใหม่ ซึ่งประกอบด้วยนวัตกรรม ความสมดุล สิ่งแวดล้อมสีเขียว การเปิดกว้าง หลักการแบ่งปัน และให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมความมั่งคั่งร่วมกันให้มากขึ้น ประการที่สาม คือ รูปแบบโครงสร้างการพัฒนาใหม่ โดยเร่งสร้างรูปแบบการพัฒนาใหม่ที่เน้นการหมุนเวียนทรัพยากรภายในประเทศเป็นหลัก โดยมีวัฏจักรคู่ทั้งภายในและภายนอกประเทศหมุนเวียนเกื้อหนุนกันไป และจะอาศัยข้อได้เปรียบของตลาดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศและการบรรลุผลประโยชน์ร่วมกัน
ปี 2564 ยังถือเป็นปีครบรอบ 30 ปีแห่งการก่อตั้งสถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ ในปีใหม่นี้ เราจะยังคงยึดมั่นในแนวคิดแห่งสันติภาพ การพัฒนา ความร่วมมือและชัยชนะร่วมกัน แบ่งปันโอกาสและผลประโยชน์ในการพัฒนาของจีนให้กับทุกภาคส่วนในภาคเหนือของไทย มุ่งเน้นความร่วมมือด้านการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายใต้กรอบข้อริเริ่ม "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" และความร่วมมือล้านช้าง - แม่โขง เราจะเชื่อมต่อแผนการพัฒนาภาคเหนือของไทย และผลักดันความร่วมมือรูปแบบใหม่ อาทิ เศรษฐกิจดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยี 5G บิ๊กดาต้า เมืองอัจฉริยะ เป็นต้น แสวงหาอุตสาหกรรมเกิดใหม่และรูปแบบใหม่ สร้างแรงผลักดันใหม่เพื่อให้ได้ผลสำเร็จใหม่ในอนาคต และเพื่อสันติภาพ การพัฒนา และความเจริญรุ่งเรืองระหว่างประเทศจีนและประเทศไทยรวมถึงในเขตภูมิภาคนี้ด้วย
เมื่อศักราชใหม่เวียนมาอีกครา สรรพสิ่งในสากลโลกเผยโฉมใหม่ ขอให้เรามีความมั่นใจและกระตือรือร้นที่จะร่วมจับมือกันก้าวเข้าสู่ระยะทางใหม่ เพื่อสร้างความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ขออวยพรให้ประเทศจีนและประเทศไทยเจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข และขออวยพรให้เพื่อนมิตรทุกท่านมีความสุขสวัสดิ์ด้วยเทอญ